วันเสาร์ที่ 28 ธันวาคม พ.ศ. 2556

EP08: เครื่องบินลำนั้นที่ฉันควรขึ้น...


EP08: เครื่องบินลำนั้นที่ฉันควรขึ้น...




มาต่อกันด้วยเรื่องถัดไปดีกว่า...ซึ่งถ้าตั้งชื่อเรื่องแบบละครไทยแล้ว ก็คงเป็นประมาณว่า “เครื่องบินลำนั้นที่ฉันควรขึ้น” หรือไม่ก็ “ปาฏิหาริย์” ถ้าเป็นชื่อแบบหนังฝรั่งก็คงจะเป็น “Final Destination”...เอิ่ม พล่ามอะไรของฉันอยู่เนี่ย =____=;  มาดูเรื่องคร่าวๆกันดีกว่าว่าเกี่ยวกับอะไร (และทำไมถึงเอาไปตั้งชื่อแบบนี้ได้ 555//ยังคงเล่นไม่เลิก)

เรื่อง “เครื่องบินลำนั้นที่ฉันควรขึ้น” เป็นเรื่องของสาวน้อยอาภัพ(?)ผู้หนึ่งซึ่งมีกำหนดจะขึ้นเครื่องบิน แต่ทำอีท่าไหนก็ไม่รู้ ดันตกเครื่องไปเสียนี้ ทว่าในความโชคร้ายของเธอยังมีความโชคดีมากๆจนแทบเรียกได้ว่าเป็นปาฏิหาริย์ซุกซ่อนอยู่ เมื่อตอนเย็นถ้ากลับไปที่บ้านแล้วเปิดทีวีดูด้วยความเศร้าสร้อยเซื่องซึม เธอก็เห็นข่าวรายงานว่า...เครื่องบินลำที่เธอควรขึ้นตกทะเลไปแล้ว...!!! 

(โอ้วคุณพระคุณเจ้า...!!!)

ตื่นเต้นล่ะสิ...ตื่นเต้นใช่มั้ยล่ะ มาดูกันดีกว่าว่าพอกลายเป็นเวอร์ชั่นภาษาดาวญี่ปุ่นแล้ว จะเป็นยังไงบ้าง...


 私、イキリス行けなかったんだ。昨日、私は朝寝坊して、飛行機の出発時間に間に合わなかった。なんか、出発時間は午後三時で、私の起きた時間は午後二時半から、間に合わなかった。とても残念だったよ。でも、家に帰ると、テレビを見て、私が乗る予定がある飛行機落ちたニュースが放送していたんだ。このニュースを見て、もし自分がまだその飛行機にいたらどうなるか想像して涙が出ちゃった。その飛行機に乗らなくて良かった。


แท้นนนนนนนนน...จบกัน...จบเลย อรรถรสและรสชาติ (ฮ่าๆๆ)  ทีนี้มาดูกันดีกว่าคนอื่นเขาว่ายังไง...และเนื่องจากเอ็นทรี่ที่ผ่านๆมาได้เชิญคุณพอลมาให้คำแนะนำมาโดยตลอด คุณพอลบอกว่าเหนื่อยแล้ว ขอพักบ้าง ครั้งนี้เราเลยได้......มาริโอ้...มาริโอ้มาช่วย 内省ให้ค่ะ โอ้ววววววว!!! ปริ่มใจจริงๆ





" 「私、イキリス行けなかったんだ。」ขึ้นต้นมาก็ประหลาดแล้วนะครับ...เหมือนกับว่าต่อจากนี้เธอก็จะไปอังกฤษไม่ได้อีกเลยชั่วชีวิต ผมว่าตัดประโยคนี้ทิ้งไปดีกว่านะครับ ^^ ถ้าต้องการจะเล่าว่า เมื่อวานฉันไม่ได้ไปอังกฤษแล้ว ให้เพื่อนเข้าใจ บอกว่า 「昨日、イギリスに行く予定があるけど、行かなちゃった。」จะฟังดูเข้าใจง่ายกว่านะครับ แถมยังทำให้เกิดความอยากรู้ต่อไปด้วยว่าทำไม ^^

「私の起きた時間は午後二時半から」เป็นเรื่องในอดีต เลยใช้ だったครับ

「なんか、出発時間は午後三時で、私の起きた時間は午後二時半だから間に合わなかった。ประโยคก่อนหน้าคุณก็พูดคำว่า 間に合わなかった ไปแล้ว มาพูดตรงนี้อีกมันดูซ้ำซ้อน แก้ประโยคไปเลย เป็น 「なぜかというと、出発時間は午後三時なのに、私の起きた時間は午後二時半だからだ。」น่าจะดีกว่า

「家に帰ると、テレビを見て・・・」ไวยากรณ์ สิ่งที่ตามมาข้างหลังจะเป็นการกระทำที่เราตั้งใจไม่ได้นะครับ

「私が乗る予定がある飛行機落ちたニュースが放送していたんだ。」「私が乗る予定があった飛行機落ちたニュースが放送されていたんだ。」
อ้อ...ขอเสริมหน่อยนะครับ คำว่าเครื่องบินตก มีศัพท์ว่า 飛行機が墜落した นะครับ ใช้แบบนี้ดูดีกว่านะ ^^

「その飛行機にいたらどうなる・・・」พูดว่า 乗っていたら จะดีกว่าไหมครับ?

「想像して涙が出ちゃった」「想像すると涙が出ちゃった」


โดยภาพรวมก็ยังงงๆอยู่นะครับ แถมยังเล่าคร่าวๆแบบแทบจะไม่เห็นภาพอะไรเลยด้วย ครั้งหน้าปรับปรุงด้วยนะครับ อ้อ แต่ก็ยังมีจุดที่โอเคอยู่บ้าง เช่นการบอกว่า “พอลองนึกภาพว่าตัวเองยังอยู่ในเครื่องบินลำน้ำ น้ำตาก็ไหลออกมาเลย” เป็นการถ่ายทอดอารมณ์ความตกใจได้ดี แล้วการบอกปิดท้ายว่า その飛行機に乗らなくて良かった。ก็เป็นการสรุปเรื่องทั้งหมดได้ดี ประมาณว่า ทั้งหมดที่เล่ามาเนี้ย...คือจะเล่าว่าดีแล้วที่ไม่ขึ้นเครื่องบินลำนั้น ว่างั้นเถอะ ^^"



ⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷ








日本語の宇宙人 (ต่างด้าวบนดาวภาษาญี่ปุ่น)
เป็นบล็อกที่มีไว้เพื่อบันทึกประสบการณ์การใช้ภาษาญี่ปุ่น
โดยจะเน้นในเรื่องของการพูดและคำศัพท์
ถือเป็นงานส่วนหนึ่งในวิชา Applied Japanese Linguistic
ของนิสิตเอกวิชาภาษาญี่ปุ่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


EP07: อยากตลกต้องทำยังไง


EP06: อยากตลกต้องทำยังไง




ก่อนจะเขียนเอ็นทรี่นี้...ก่อนอื่นต้องขอตะโกน ดัง ดัง ว่า


“สอบเสร็จแล้วเว้ยยยยยยยยยยยย!!! >________________<


อ้ากกกกกกกกกกก อยากจะกรีดร้องเป็นภาษาฮินดูอารบิค ไม่เคยโล่งและดีใจขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่เปิดเทอม

...ฉันผ่านไปอีกสเต็ปแล้วสินะ อีกไม่นานก็จะจบปีสามที่แสนจะทรมานนี้แล้วก็กลับไปใช้ชีวิตเอเลี่ยนแบบธรรมดาๆที่อยากจะทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องมานั่งทำการบ้านจนดึกดื่นทุกวันแบบนี้

(...รึเปล่า?555 เอาเถอะ คิดในแง่บวกไว้ก่อนก็แล้วกันนะ)

เอาล่ะ วันนี้เราชาวเอเลี่ยนจะมาเล่าเรื่อง タスクครั้งที่ 3 ซึ่งควรจะอัพตั้งแต่ปีมะวู้ว (= ขั้นกว่าของปีมะโว้) แต่เนื่องจากติดสอบและรายงานและสอบและรายงาน =_=; เลยทำให้ไม่ได้มาเล่าซะที งานชิ้นนี้ยังคงเป็นการพูดที่เราสุดแสนจะเป๋อเล๋อเหมือนเคย สิ่งที่ต้องทำก็คือเล่าเรื่องสองเรื่องให้เพื่อนฟัง เรื่องแรกไม่เท่าไหร่...เพราะเป็นการเล่าเรื่องในอดีตโดยโฟกัสว่า...ถ้าเราไม่ทำแบบนี้ จะเกิดผลแบบนี้ขึ้นนะ...อะไรประมาณนั้น ยังถือว่าเป็นการเล่าเรื่องแบบสามัญธรรมดาสำหรับเราอยู่ แต่อีกเรื่องนี่สิ...เหนือชั้นกว่านั้นมาก...เพราะเรื่องที่ต้องเล่า...

มันเป็นเรื่องตลก...=__________=;

ตอนเห็นโจทย์แล้วตลกไม่ออกเลย แฮะๆ ในหัวได้แต่คิดว่า ให้เล่าเรื่องตลกเป็นภาษาดาวญี่ปุ่นเนี่ยนะ?? พูดปรกติก็จะไม่รอดอยู่แล้ว แล้วยังต้องทำให้มันตลกอีกเร้ออ OTZ  ยากค่ะ ยากมากๆ นี่ถ้าเป็นภาษาไทยนะ ฉันไฟท์ถึงไหนถึงกันอยู่แล้ว มีลูกเล่นอะไรก็จะจัดไปให้หมดแม็กซ์ แต่นี่เป็นภาษาของดาวญี่ปุ่น...ดาวที่เอเลี่ยนอย่างเรามาพักพิงอาศัยในช่วงเวลาไม่นานและยังไม่ชิน...อย่าคาดหวังเลยว่าจะมีกลเม็ดเคล็ดลับอะไรแอบซ่อนไว้ ทุกอย่างภายในของเราช่างกลวงและว่างเปล่า 555

เอ้า หยุดบ่นแล้วมาดูกันดีกว่าว่าเราเล่ามั่วออกไปยังไงบ้าง


 とてもショックなことがあったんだ。なんか、彼氏とショッピングしている間、私が財布を落とした。で、彼氏はやさしそうに拾ってあげたんだけど、彼は私の昔の写真を見ちゃったんだ。あの時、私の肌は黒くて鼻も像みたいに長かった。私は泣きたいくらい恥ずかしかった。で、彼氏に「その人誰?」と聞かれた。始めは、うそをしたかったんだけど、結局事実を伝えなければならないから、心決めて彼に事実を伝えた。それを聞いて、彼はただ私に微笑んだ。私は、「えっ、彼は私のことを受け止めたの!?」と思ってすごく嬉しかったけど、彼は「私もいいたいことがある」と私に言った。私は「何何!?」と聞いて、彼は突然自分の髪を拾って、自分のハゲを表してしまった。私はとてもびっくりした。実は、彼の美しさは全部鬘からのだろう。


เรื่องคร่าวๆเป็นเรื่องของหนุ่มสาวคู่หนึ่งซึ่งเป็นแฟนกัน ฝ่ายหญิงสวยเช้งเพราะไปทำศัลยกรรมมาแต่ฝ่ายชายไม่รู้เรื่อง วันหนึ่งฝ่ายชายบังเอิญเจอรูปสมัยเด็กของฝ่ายหญิง เลยทำให้ได้รู้ความจริง ฝ่ายหญิงตกกะใจมากกลัวฝ่ายชายขอเลิก แต่ปรากฏว่าฝ่ายชายกลับรับได้ ดูเหมือนจะเป็นคนใจดีนะ แต่ความจริงแล้วเป็นเพราะฝ่ายชายก็มีเรื่องที่ปิดเป็นความลับจากฝ่ายหญิงอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือความจริงแล้วเขาเป็นคนหัวล้าน...แล้วที่เห็นผมพลิ้วๆดูงามสลวยสวยนุ่มเนี่ย...วิกทั้งนั้น =_=;

เรื่องราวก็ประมาณนี้แหละ...เอาละ เรามาซัมมอนคุณพอลให้ช่วยวิจารณ์ดีกว่า

(ปล. อาจารย์คะ...ถ้าอาจารย์อ่านอยู่ หนูขออธิบายเพิ่มจากในห้องที่อาจารย์เคยถามหนูนะคะ555 คือพอลเป็นตัวละครสมมติที่ตั้งขึ้นเพื่อที่จะให้ช่วย 内省 ได้ง่ายยิ่งขึ้นเพราะอาจารย์เคยบอกไว้ว่า การ 内省ที่ดีควรจะมองตัวเองจากสายตาของบุคคลที่สามและค่อยวิจารณ์ หนูเคยพยายามฝึกทำตามอย่างที่อาจารย์บอก...มองตัวเองจากสายตาบุคคลที่สามแล้ว แต่สุดท้ายก็ลงเอยกลับมาคิดแบบเป็นตัวเองอยู่ดี เลยจัดการตั้งตัวละครใหม่ขึ้นมาซะเลย ทำให้ดูเหมือนมีบุคคลที่ 3 มาคอยช่วยวิจารณ์จริงๆ แล้วก็ทำให้ไม่เปลี่ยนโหมดกลับมาคิดในแบบของตัวเองเหมือนอย่างในตอนแรกด้วย...ประมาณนี้แหละค่ะ แฮะๆ)



(あ、ポルさん。また!?)


"ก่อนอื่นต้องขอขำก่อน...ฮ่าๆๆๆๆๆๆ เพราะว่ามัน...ไม่ตลกเลย =____=; เอาละ จะว่ายังไงดีล่ะ ตั้งแต่เริ่มต้นว่า 「とてもショックなことがあったんだ。」มันก็ไม่ตลกแล้ว เพราะว่าอะไร...เพราะว่าการเล่าเรื่องตลกมันต้องสร้างสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดคาดฝันให้กับคนฟังไง นี่เล่นแบไต๋ให้เค้ารู้ตั้งแต่แรก คนฟังเค้าก็เดาได้น่ะสิว่าต่อไปต้องมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้น เปลี่ยนกลวิธีเล่าเรื่องซะใหม่นะแม่คุณ

「彼氏はやさしそうに拾ってあげたんだけど」 -> ตั้งใจจะบอกว่าเก็บกระเป๋าสตางค์ให้อย่างใจดีใช่มั้ย? ถ้าใช้ やさしそうにจะแปลว่า “ดูเหมือนจะใจดี” ซึ่งในบริบทนี้มันจะดูแปลกๆไปหน่อย ใช้ว่า 彼は優しい人ですから、財布を・・・」น่าจะดีกว่า ส่วน てあげるเปลี่ยนเป็น てくれる เพราะเป็นการกระทำที่เขาทำให้เรา

「あの時、私の肌は黒くて鼻もみたいに長かった」 -> 私の肌は黒いし、鼻もみたいに長かった。ใช้คันจิผิดตัว

「えっ、彼は私のことを受け止めたの!?」 -> ใช้ศัพท์ผิดตัว ต้องเป็น 受け入れる และที่สำคัญอย่าลืมเติม てくれる เป็น 受け入れてくれる เพื่อแสดงให้เห็นความรู้สึกขอบคุณที่เขารับเรื่องในอดีตของเราได้

「彼は突然自分の髪を拾って・・・」 -> เปลี่ยนเป็น拾い上げるหรือ取り上げる เพื่อแสดงความหมายว่า “ดึง/ยกขึ้น”

自分のハゲを表してしまった-> 自分のハゲを私に見せてしまいました。

実は、彼の美しさは全部鬘からのだろう。」-> ผมเข้าใจว่าคุณต้องการจะสื่อว่า “ความจริงที่เห็นว่าหล่อเป็นเพราะวิกทั้งนั้นเลยสินะ” ใช้แบบนี้มันงงนะ ถ้าใช้ว่า 彼はハンサムである理由は、鬘をかけているからだろう。จะเข้าใจง่ายกว่า

สรุปว่า タスクนี้ไม่ผ่านทั้งการใช้ภาษาและโครงสร้างการเล่าเรื่อง 555 ไม่เป็นไรนะ พยายามใหม่ ศึกษาเอาจากของชาวดาวภาษาญี่ปุ่นก็ได้ เท่าที่เห็นเขามีการเล่าเรื่องโดยขึ้นต้นแบบธรรมดาๆ เช่น "นี่เธอ...จำเพื่อนคนนั้นได้รึเปล่า คนที่สวยๆแต่ที่จริงแล้วไปทำศัลยกรรมมาน่ะ..." แล้วก็มีการแทรกการสื่อสารกับผู้ฟังเป็นระยะๆทำให้รู้สึกตื่นเต้นเหมือนถูกกระตุ้นให้อยากรู้ตลอดเวลา แถมยังเล่าแบบละเอียดยิบมาก เช่น "ปรกติเพื่อนคนนั้นจะทำความสะอาดห้องนะแต่วันนั้นแฟนมากะทันหันเลยไม่ได้ทำอะไร ระหว่างที่รีบเก็บกวาดข้าวของแฟนก็บังเอิญเหลือบไปเห็นอัลบั้มที่วางอยู่บนโต๊ะเข้า พอหยิบขึ้นมาเปิดดูเท่านั้นแหละ เธอเอ๋ย...” อะไรประมาณนี้

ในด้านการใช้ภาษา มีการใช้สำนวนอย่างคำว่า “เป็นคู่ที่สมกันอย่างกับกิ่งทองใบหยก” ฯลฯ การใช้สำนวนพวกนี้จะทำให้เห็นภาพในเรื่องได้ชัดเจนแล้วก็มีสีสันยิ่งขึ้น



ถ้าอยาก(เล่าเรื่องแล้ว)ตลก ก็ควรทำแบบนี้แหละนะ."



ⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷ








日本語の宇宙人 (ต่างด้าวบนดาวภาษาญี่ปุ่น)
เป็นบล็อกที่มีไว้เพื่อบันทึกประสบการณ์การใช้ภาษาญี่ปุ่น
โดยจะเน้นในเรื่องของการพูดและคำศัพท์
ถือเป็นงานส่วนหนึ่งในวิชา Applied Japanese Linguistic
ของนิสิตเอกวิชาภาษาญี่ปุ่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


วันจันทร์ที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2556

บทคั่น: タスク2 目に浮かぶ描写 書き直し


จากฉบับเก่าที่โดนคุณพอลจวกยับไปเมื่อตอนที่แล้ว...


あのね、昨日は、私は、えーと、ホテルで恋人に会いました。恋人を待っている間は、私は、えーと、二人の男の人が見えました。えーと、一人は、えーと、なんか、メガネをかけているおじいさんで新聞を読んでいました。もう一人は、なんか、かっこよくないサラリーマンみたいな人でした。で、あの二人はなんか知り合いじゃないと思います。なぜかというと、二人はなんか別々・・・座っていました。でもね、えーと・・・で、ある外国人が、えーと、地図を持って、えーと、ホテルに歩い・・・入っていました。その外国人はなんか道を聞く・・・誰かに道を聞いたみたいに、えーと、周りを、あ!、見回りました。そして、彼はサラリーマンになんか目を合わせました。で、彼は、えーと、喜んだ顔で・・・そのサラリーマンに歩いていました。なんか、このサラリーマンは助けられると思ったみたいな・・・。でも、面白かったのは、えーと、そのサラリーマンは外国人を見たとたん、彼はなんか、えーと、新聞を読んでいるおじいさんに突然いっしょに座って、おじいちゃんといっしょに新聞を読んでいるふりをしていた。


กลับกลายมาเป็นฉบับใหม่ที่สมบูรณ์ฉบับนี้ค่า...!!! (สมบูรณ์จริงรึเปล่าก็ไม่รู้ ต้องลองให้คนอื่นช่วยดูอีกที แต่ถ้าถามตัวเอง คิดว่าพอใจแล้วนะ ฮ่าๆ)


ホテルのロビーで、ある男の人がソファーに座っていました。彼はちゃんとしたスーツを着ているし、ネクタイも着けているから、ビジネスマンかもしれないと判断できます。同じソファーには、新聞を広げて読んでいる、メガネをかけたおじさんも座っていました。二人の彼は別々座っていたので、知り合いではないと思われます。ビジネスマンがつまらなそうな顔で見回していると、ふと柱を背にしている外国人のおじさんと目が合ってしまいました。彼はカメラを首からぶらさげて地図を両手で持っているから、どうやら誰かに道を尋ねようとしている観光客のようです。観光客は「助かった!」というような嬉しそうな顔でビジネスマンに歩み寄ってくると同時に、ビジネスマンは「しまった!!」と思って不安な汗が流れ出てしまいました。なぜビジネスマンがこうなったというと、外国語に自信がないかもしれないからです。観光客を避けるために、ビジネスマンは突拍子もない行動をしてしまいました。それは、彼は突然同じソファーに座っているおじさんと新聞をいっしょに読んでいるふりをしてしまったのです。観光客は何をしたらいいか分からなくて、ただ立ち尽くしていました


*สีเหลือง คือ จุดที่ตัวเองคิดว่าดีค่ะ
*สีแดง คือ สำนวนที่ได้มาจากการเขียนของคนญี่ปุ่น ที่ อ. นำมาให้อ่าน


พอได้มีเวลาค่อยๆใช้ความคิด ค่อยๆเขียน ไม่เหมือนครั้งก่อนที่ต้องพูดออกมาเลย ก็ช่วยทำให้เรียบเรียงประโยคได้รู้เรื่องขึ้น และสังเกตเห็นจุดที่บรรยายข้ามไป หรือบรรยายไม่ละเอียดตอนที่พูด
ก่อนอื่น เริ่มจาก 「彼はちゃんとしたスーツを着ているし、ネクタイも着けているから、ビジネスマンかもしれないと判断できます」ค่ะ จะเห็นว่าตอนแรกเราพูดแค่ 「サラリーマンみたいな人」โดยไม่ได้มีหลักฐานมาก่อนเลยว่าทำไมถึงมีความคิดแบบนั้น ในฉบับแก้จึงใส่หลักฐานเข้ามาเพิ่ม แล้วค่อยตบท้ายว่า “จึงสามารถสันนิษฐานได้ว่าเขาเป็นพนักงานเงินเดือน” ทำให้เห็นภาพชัดเจนแล้วก็ดูน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น

จุดต่อไปคือ  新聞を広げて読んでいる ค่ะ อันนี้ลอกเลียนแบบมาจากฉบับของคนญี่ปุ่นเลย ฮ่าๆ  ความจริงก็ไม่ได้เป็นประโยคหรือศัพท์ที่ซับซ้อนอะไร แต่ตอนแรกเราใช้ว่า新聞を読んでいました เท่านั้นค่ะ ซึ่งให้ความรู้สึกว่าเป็นการอ่านหนังสือพิมพ์แบบธรรมดาๆ แต่พอเติม 広げてเข้ามาก็ทำให้เห็นภาพเลยว่าผู้ชายแก่เนี่ยกำลัง “กาง” หนังสือพิมพ์อ่าน “กว้างๆ” ให้ภาพว่าสามารถให้ผู้ชายอีกคนเข้าไปหลบหลังหนังสือพิมพ์ได้ ซึ่งจะเป็นการปูเรื่องไปสู่เหตุการณ์ในตอนจบได้ง่ายยิ่งขึ้นค่ะ

「知り合いではないと思われます」ประโยคนี้ใส่มาตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ภูมิใจ (อุอิ) แต่ได้เอามาปรับไวยากรณ์ให้ดูดีขึ้นในฉบับแก้ ที่ใส่มาเพราะต้องการจะเน้นว่าการกระทำของพนักงานเงินเดือนที่เข้าไปหลบหลังหนังสือพิมพ์แล้วแกล้งทำเป็นอ่านไปด้วยเนี่ย มันยิ่งน่าอายหนักเพราะไม่ได้รู้จักกับคนที่อ่านหนังสือพิมพ์อยู่ด้วยเลย ซึ่งถ้าทั้งสองคนรู้จักกันมาก่อนแล้ว การกระทำของพนักงานเงินเดือนอาจไม่ตลกและมีสีสันมากเท่านี้

「ふと」กับ「柱を背にしている外国人」เอามาจากฉบับของคนญี่ปุ่นอีกเช่นเคย ふとแปลว่า โดยไม่คาดคิด โดยไม่คาดฝัน เมื่อใส่เข้ามาจะช่วยให้เรื่องมีรสชาติ ตื่นเต้นขึ้นว่า เฮ้ย กำลังมองรอบๆอยู่ดีๆ จู่ๆสบตาชาวต่างชาติที่ดูท่าจะเข้ามาขอความช่วยเหลือเข้าจังหนักเลย ซวยแล้วตู! อะไรประมาณนี้ ส่วน柱を背にしている外国人 แปลว่าชาวต่างชาติที่เอาหลังพิงเสา(ในล็อบบี้โรงแรม)อยู่ เป็นการเพิ่มความละเอียดให้กับการบรรยายมากยิ่งขึ้น

「目が合ってしまいました」คือการสบตาแบบไม่ได้ตั้งใจค่ะ ก่อนหน้านี้เราใช้ว่า 「目を合わせました」ซึ่งจะแปลว่า สบตากันแบบจงใจ นำมาใช้ในบริบทของเรื่องนี้ไม่ได้

 「カメラを首からぶらさげて」ได้มาจากฉบับของคนญี่ปุ่น แปลว่าห้อยกล้องไว้ที่คอ เมื่อใส่รายละเอียดตรงจุดนี้เข้ามาจะช่วยทำให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นว่าผู้ชายคนที่ต้องการขอความช่วยเหลือเป็นนักท่องเที่ยวจริงๆ

「どうやら誰かに道を尋ねようとしている観光客のようです」แปลว่า ดูเหมือนว่า... เป็นการคาดเดาค่ะ ปรกติใช้แต่ ようです อย่างเดียว ไม่เคยรู้เลยว่ามันมักจะมากันเป็นเซ็ทกับ どうやら 55

「助かった!」 ใส่เข้ามาเพื่อเพิ่มสีสันของเรื่องให้ดูตื่นเต้นเมามันมากยิ่งขึ้นเฉยๆ (ไม่รู้ว่าได้ผลรึเปล่า) และจะได้ล้อกันกับพนักงานเงินเดือนที่คิดในใจว่า 「しまった!!」

「歩み寄ってくると同時に」แปลว่า ในขณะเดียวกันกับที่เดินเข้ามาใกล้...ไม่ใช้ประโยคแปลกใหม่อะไรซักเท่าไหร่แต่ก็ไม่เคยใช้ได้แบบนี้ ฮ่าๆ ใช้แต่ 近寄るเพียวๆมาตลอด ที่น่าตื่นตกใจอีกอย่างหนึ่งคือ คำนี้อ่านว่า あゆみよる ค่ะ!! แหม่ เคยเห็นแต่ 歩く (あるく)พอมาเจอตัวที่ห้อย み ลงท้ายก็เงิบเลย...พยายามหาคำอ่านอยู่ตั้งนาน

「外国語に自信がない」 เพิ่งรู้ว่าใช้คำช่วย に ฮ่าๆ

「突拍子もない行動」  ชอบคำนี้มาก ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกัน แปลว่าการกระทำบ้าบออะไรเทือกนี้ ได้มาจากฉบับของคนญี่ปุ่น

「立ち尽くしていました」คำนี้แปลว่ายืนนิ่งอยู่กับที่ค่ะ (หรือถ้าจะแปลในบริบทนี้ก็คือ ยืนเงิบ...ไปต่อไม่ถูกเลย อะไรประมาณนั้น 55) เพิ่งรู้จักเป็นครั้งแรกจากการทำ タスク นี้เช่นเดียวกับคำอื่นๆ และคิดว่าเป็นคำที่น่าจะได้ใช้อีกบ่อยๆ

เป็นยังไงบ้างคะ ฉบับแก้ใหม่ของเรา...ถูกใจคุณพอลหรือยัง? (ฮา) เอาเถอะ จะถูกใจหรือไม่อย่างไร ก็ต้องบอกว่าการทำ タスク ครั้งนี้ได้ความรู้เยอะสุดๆเลย ปรกติพยายามจะฝึกฝนการเขียนบรรยายสิ่งต่างๆอยู่แล้วเพราะไม่ค่อยถนัด ซึ่งจากการทำ  タスク ครั้งนี้ ทำให้ได้รู้จักคิดว่าจะต้องบรรยายอย่างไร ผู้ฟังถึงจะเกิดอาการ 目に浮かぶ描写 ขึ้นมาได้

นอกจากนี้ แน่นอนว่าทำให้ได้รู้จักศัพท์ใหม่ๆ หรือวิธีการใช้ศัพท์เก่าที่เคยรู้จักในรูปแบบใหม่ตามที่กล่าวมาข้างต้น ซึ่งถ้าจะเจาะจงตามหัวข้อที่เราตั้งใจจะศึกษา คือ コロケーション แล้ว コロケーション ใหม่ๆที่ได้เรียนรู้ก็เช่น  柱を背にする 、目が合う、どうやら・・・よう และ突拍子もない行動

ครั้งหน้าจะเอา タスク ครั้งใหม่ที่ยากอีกแล้ว (ฮืออ) มาเล่าค่ะ แต่อาจจะทิ้งช่วงไปสักเดี๋ยวเพราะต้องทำรายงานอันหฤโหดและมีสอบ T______________T ไว้เจอกันนะคะ




ⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷ








日本語の宇宙人 (ต่างด้าวบนดาวภาษาญี่ปุ่น)
เป็นบล็อกที่มีไว้เพื่อบันทึกประสบการณ์การใช้ภาษาญี่ปุ่น
โดยจะเน้นในเรื่องของการพูดและคำศัพท์
ถือเป็นงานส่วนหนึ่งในวิชา Applied Japanese Linguistic
ของนิสิตเอกวิชาภาษาญี่ปุ่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


วันศุกร์ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2556

EP06: 初めまして・・・ポル (-_-)


EP06: 初めまして・・・ポル (-_-)


          เมื่อประมาณสัปดาห์ที่แล้ว ได้มีโอกาสทำ タスク2 目に浮かぶ描写 ซึ่งเป็นการให้พูดบรรยายเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการ์ตูน 4 ช่อง...บอกตามตรงว่า ยากส์...ยากมากๆ เพราะเป็นการพูดสด และไม่ใช่พูดแค่เดี๋ยวเดียว แต่เป็นการพูดแบบ Story Teller ที่จะต้องเล่าเหตุการณ์ให้ผู้ฟังเข้าใจอย่างละเอียดแจ่มแจ้งเหมือนกับได้ไปเห็นมาด้วยตาตนเองสมกับชื่อของงาน 「目に浮かぶ描写」

          ความรู้สึกที่เกิดขึ้นระหว่างพูดน่ะเหรอ...บอกเลยว่าเหมือนนักรบที่กำลังตวัดดาบสะเปะสะปะไปมาเพื่อป้องกันศัตรูเข้ามาแทงตัวเองตายทั้งๆที่ความจริงกำลังจะม่องอยู่วินาทีสองวินาทีนี้แล้ว...มั่วและบ้ามาก (- -“) อย่างแรกคือ เราไม่รู้ว่าจะพูดถึงผู้ชายที่ใส่ชุดสูทว่าอะไร จะสรุปว่าเขาเป็น サラリーマン ก็ไม่มีหลักฐาน (และถึงมีก็ไม่รู้จะบรรยายยังไงดี ฮ่าๆ) แล้วไหนจะยังนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ต้องเดินเข้ามาใกล้ผู้ชายใส่สูทเพื่อที่จะถามทางอีกล่ะ คำว่าเดินเข้ามาใกล้คืออะไร?? และด้วยความไม่รู้ เราเลยได้แต่มั่วแหลกไปเท่าที่จะสามารถมั่วได้ ถือว่ามีพัฒนาการขึ้นจากงานที่แล้ว คือ อย่างน้อยก็ยังพูดวะถึงแม้ว่ามันจะผิด แต่งานที่แล้ว ไม่รู้เลยสักนิดว่าควรเขียนอะไรลงไป 55

          ความรู้สึกที่ได้หลังทำงานนี้จบ...มันแย่มาก ฮ่าๆ แต่ก็รู้สึกดีอยู่บ้างนะที่ได้ลำดับความคิดในหัวแล้วก็เล่าเรื่องออกมาให้เพื่อนฟัง เราชอบเล่าเรื่องตลกๆประมาณนี้อยู่แล้ว และเราก็รู้ว่าหลังจากนี้ อ. จะต้องมีตัวอย่างดีๆมาชี้แนะให้พวกเราพัฒนาขึ้นแน่ๆ เพราะฉะนั้น...ดีเลย! จะรอดูนะคะว่าการพูดของ Native Speaker เป็นยังไง มีอะไรที่ตรง ที่ต่าง ที่ควรเสริมเพิ่มเติมกับที่เราพูดไปบ้าง > <


          ต่อจากนี้ก็เป็นการ内省 งานที่ยังไม่ได้แก้ชิ้นนี้ค่ะ...

          เอเลี่ยนอย่างเราไม่เคยรู้จักการ 内省 มาก่อน ตอนที่ต้องเขียนเป็นครั้งแรกเลยเขียนไปแบบมึนๆงงๆ แต่หลังจากที่ท่านอาจารย์ได้กรุณาฟี้ดแบ็คมาให้ ก็ทำให้ได้รู้ว่า การจะเขียน 内省ที่ดีน่ะ มันต้องสมมติตัวเองเป็นบุคคลที่สาม!! บุคคลที่สามนะบุคคลที่สาม!!!

          เอาล่ะ มาเริ่มต้นกันใหม่นะ ต่อไปนี้เราจะสมมติตัวละครลับขึ้นมาหนึ่งตัว เป็นบุคคลที่สามที่จะมาช่วย 内省ให้กับเรา ขอตั้งชื่อเขาว่า “พอล” ก็แล้วกัน...

(ไม่มีเหตุผลในการตั้งชื่อหรอก แค่จู่ๆคำว่าพอลก็ลอยขึ้นมาในหัวเอง XD)

          ต่อไปนี้พอลจะเริ่มสังเกตและวิจารณ์เอเลี่ยน (เราเอง) ว่ามีการใช้ภาษาในงานชิ้นที่สอง タスク2 目に浮かぶ描写 อย่างไรบ้าง...

          และนี่คือสิ่งที่เอเลี่ยนได้ทำจ้า...


あのね、昨日は、私は、えーと、ホテルで恋人に会いました。恋人を待っている間、私は、えーと、二人の男の人が見えました。えーと、一人は、えーと、なんか、メガネをかけているおじいさんで新聞を読んでいました。もう一人は、なんか、かっこよくないサラリーマンみたいな人でした。で、あの二人はなんか知り合いじゃないと思います。なぜかというと、二人はなんか別々・・・座っていました。でもね、えーと・・・で、ある外国人が、えーと、地図を持って、えーと、ホテルに歩い・・・入っていました。その外国人はなんか道を聞く・・・誰かに道を聞いたみたいに、えーと、周りを、あ!、見回りました。そして、彼はサラリーマンになんか目を合わせました。で、彼は、えーと、喜んだ顔で・・・そのサラリーマンに歩いていました。なんか、このサラリーマンは助けられると思ったみたいな・・・。でも、面白かったのは、えーと、そのサラリーマンは外国人を見たとたん、彼はなんか、えーと、新聞を読んでいるおじいさんに突然いっしょに座って、おじいちゃんといっしょに新聞を読んでいるふりをしていた。



และนี่คือสิ่งที่พอลได้สังเกตและวิจารณ์...



(これは・・・ポル・・かな?)


                "ก่อนอื่น ผมต้องขอบอกเลยว่า...คุณเป็นคนชาติ えーとรึยังไง!? ใช้นักใช้หนา ใช้อยู่ได้ไอ้คำเนี้ย ผมเข้าใจนะว่าเวลาที่นึกอะไรไม่ออก คุณควรจะพูดว่า えーとเอาไว้ก่อน แต่นี่อะไร ถ้าผมดึงคำว่า えーとของคุณมาเรียงต่อกันคงมีความยาวพอๆกับเนื้อหาที่คุณต้องบรรยายเลยมั้ง มีความมั่นใจในตัวเองหน่อยสิ!

                ต่อไปผมจะขอแจกแจงออกมาทีละจุด ในเรื่องของการใช้คำและไวยากรณ์

        ‐          恋人を待っている間、私は、-> ผมคิดว่าหลัง 間 ไม่ต้องมีคำช่วยนะ

-          かっこよくないサラリーマンみたいな人 -> กรรม บรรยายเขาแบบนี้จะดีเหรอ คุณนี่ใจร้ายชะมัด อีกอย่าง คำประเภทนี้มันเป็นคำที่ไม่ชัดเจน ขึ้นอยู่กับจินตนาการส่วนบุคคล เพราะฉะนั้นผมคิดว่าอย่าใช้ ไปเลือกใช้คำอื่นที่เห็นภาพได้ชัดแทนจะดีกว่า อย่างเช่น ใส่แว่น,ผมหงอก หรือหน้าเหมือนลิง อะไรเทือกนี้

-          別々・・・座っていました -> คำต้นประโยคเป็น なぜかというとดังนั้นจะต้องลงท้ายด้วย から

-          ホテルに歩い・・・入っていました -> ไม่มีศัพท์คำนี้ครับ กรุณาอย่าประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ ใช้เชื่อมไปเลยว่า 歩いて入りました。หรือไม่ก็ใช้แค่入りました เพียวๆ ผมว่าก็ชัดเจนพออยู่แล้วนะ

-          誰かに道を聞いたみたいに -> ถ้าคุณใช้แบบนี้มันจะแปลว่า “ดูเหมือนเขาได้ถามไปแล้ว” หรือเปล่า ใช้เป็น 誰かに道を聞きたそうにจะถูกกว่า

-          目を合わせました -> มีความหมายว่าเป็นการสบตาแบบ “ตั้งใจ” ยกตัวอย่างเช่น 私は彼と目と目を合わせました。ในที่นี้พนักงานเงินเดือนไม่ได้ตั้งใจที่จะสบตากับนักท่องเที่ยว จึงต้องใช้ว่า 目が合う และถ้าจะให้ดีต้องเพิ่ม てしまった ด้วย จะช่วยให้เข้าใจอารมณ์ความ “ไม่ได้ตั้งใจ” จะสบตาของพนักงานเงินเดือนมากยิ่งขึ้น

-          喜んだ顔 -> 嬉しそうな顔

-          そのサラリーマンに歩いていました -> ผมเข้าใจว่าคุณต้องการจะสื่ออะไรนะ แต่ใช้แบบนี้แล้วมันแปลกๆรึเปล่า ใช้เป็น そのサラリーマンに近寄ってきました。ก็คงได้

-          助けられる -> 助けてくれる

-          いっしょに座って、おじいちゃんといっしょに新聞を読んでいるふりをしていた
-> いっしょに ทีเดียวก็พอลูก...


       ก็ไม่รู้ว่ามีอะไรผิดเพี้ยนเอเลี่ยนประหลาดอีกนะ ผมลองหาดูเท่าที่จะทำได้แล้วแต่มันมากเหลือเกิน ฮ่าๆ อ้อ แล้วคุณไม่ต้องจิตตกไปเพราะผมไม่ได้กะจะติคุณอย่างเดียวหรอก ที่คุณทำมาก็มีจุดดีอยู่บ้างเหมือนกัน เช่น การที่คุณเริ่มเล่าจากภาพรวมว่ามีผู้ชายสองคนอยู่ที่โรงแรม แล้วค่อยเจาะลึกลงไปว่าแต่ละคนมีลักษณะเฉพาะตัวอย่างไรบ้าง ทำให้สามารถแยกแยะพวกเขาออกจากกันได้อย่างชัดเจน แถมยังมีการให้ข้อสังเกตด้วยว่า การที่พวกเขานั่งแยกกัน แปลว่าพวกเขาอาจจะไม่รู้จักกัน ซึ่งผมคิดว่าเป็นจุดสำคัญที่ทำให้การกระทำของพนักงานเงินเดือนคนนี้ดูตลกขึ้นนะ สรุปก็คือถึงจะติดขัดอยู่มากแต่ก็ถือว่ามีองค์ประกอบในการบรรยายที่ดี ไว้ผมจะรอดูฉบับแก้ของคุณนะ"




ⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷ








日本語の宇宙人 (ต่างด้าวบนดาวภาษาญี่ปุ่น)
เป็นบล็อกที่มีไว้เพื่อบันทึกประสบการณ์การใช้ภาษาญี่ปุ่น
โดยจะเน้นในเรื่องของการพูดและคำศัพท์
ถือเป็นงานส่วนหนึ่งในวิชา Applied Japanese Linguistic
ของนิสิตเอกวิชาภาษาญี่ปุ่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


วันพฤหัสบดีที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2556

บทคั่น: タスク1手際の良い説明 -書き直し


簡単なBRKビルの行き方

                では、BTSチョンナンシ駅からチュラロンコン大学文学部BRKビルまでの道のりを説明します。できるだけ簡単にしますから、安心してください。

                まず、チョンナンシ駅から終着駅のネーションナル・スタジアム行きの電車に乗ります。それはどの電車か、駅は道標があるので見て分かります。ネーションナル・スタジアム行きの電車はサラ・ディン、ラッチャダムリ、サイアム、ネーションナル・スタジアム駅の順に各駅に停まるので、二つ目のサイアム駅で下車してください。

                次に、サイアム駅の6番の改札口を出ます。6番の改札口を出ると、あなたはピンク色の化粧品の店が見えます。その店を右折して、ちょっとだけ直進してください。そして、あなたは右側に階段が見えます。その階段を下ります。

                それから、左を向いて直進。徒歩で約8分かかるので、頑張ってください。途中には、色々な店、レストランがあります。高校もチュラ大学の学部も見えます。


                ようやく、あなたは右側に広い校門が見えます。その校門を通して見たらタイ的なビルと新しそうなビルが見えます。そのTrue Coffee がある新しそうなビルを通り過ぎたら、すぐ白いビルがあります。それ BRK  のビルなのです。お疲れ様でした。

*ไฮไลท์ตามจุดที่ อ. ได้ขีดไว้ให้ค่ะ



簡単なBRKビルの行き方

書き直し

                では、BTSチョンナンシ駅からチュラロンコン大学文学部BRKビルまでの道のりを説明します。できるだけ簡単にしますから、安心してください。

                まず、チョンナンシ駅から終着駅のナショナル・スタジアム行きの電車に乗ります。それがどの電車か、駅にある道標を見たら分かります。ナショナル・スタジアム行きの電車はサラ・ディン、ラッチャダムリ、サイアム、ナショナル・スタジアム駅の順に各駅に停まるので、二つ目のサイアム駅で下車してください。

                次に、サイアム駅の6番の改札口を出ます。6番の改札口を出ると、ピンク色の化粧品の店が見えます。その店を右折して、ちょっとだけ直進してください。そして、右側に階段が見えます。その階段を下ります。

                それから、左を向いて直進。500メートルで約8分がかかるなので、頑張ってください。途中には、色々な店、レストランがあります。チュラ大学の他の学部とトリアム・ウドムスックサー高校とサーティットパトゥムワン高校が順番に見えます。

                ようやく、右側に広い校門が見えます。その校門を見通すと、タイの伝統的なビルとMCSというビルが見えます。そのTrue Coffee があるMCSビルを通り過ぎたら、すぐ白くて窓が多いビルがあります。それが BRK  ビルなのです。お疲れ様でした。


          ได้รับคอมเม้นต์จากเพื่อนมา 2 ใบ ชมเรื่องการใช้คำที่ทำให้ผู้อ่านเกิดกำลังใจในการเดินทาง และรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ ติเรื่องการใช้คำคลุมเครือ เช่นการเลี้ยวลงบันได ,เวลา 8 นาทีของแต่ละคนอาจจะไม่เท่ากัน หรือการบรรยายอาคารแบบไทย ซึ่งในที่นี้ได้จัดการแก้ไขเท่าที่เห็นสมควรแล้ว แต่ก็คิดว่าอาจจะมีที่ผิดอยู่เหมือนเคย แฮะๆ ^^"




ⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷ








日本語の宇宙人 (ต่างด้าวบนดาวภาษาญี่ปุ่น)
เป็นบล็อกที่มีไว้เพื่อบันทึกประสบการณ์การใช้ภาษาญี่ปุ่น
โดยจะเน้นในเรื่องของการพูดและคำศัพท์
ถือเป็นงานส่วนหนึ่งในวิชา Applied Japanese Linguistic
ของนิสิตเอกวิชาภาษาญี่ปุ่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย