วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

EP05: ...เมื่อเอเลี่ยนต้องนำทาง


EP05: ...เมื่อเอเลี่ยนต้องนำทาง




           มีคนอยู่จำพวกหนึ่งซึ่งไม่รู้ว่าทำไม...หน้าตาเหมือนตำรวจการท่องเที่ยวใช่หรือไม่...ถึงได้ถูกนักท่องเที่ยวหรือใครก็ตามเข้ามาถามทางอยู่ทู้กกที

           เราเป็นหนึ่งในคน...ไม่สิ...เอเลี่ยนจำพวกนั้น ซึ่งมักจะถูกถามทางไปนู่นนี่นั่นอยู่บ่อยๆ ซึ่งแทบทุกครั้งเรามักจะทำให้อีกฝ่ายต้องผิดหวัง เพราะนอกจากเส้นทางไปกลับบ้าน-มหาวิทยาลัย และที่ๆเราชอบไปพักผ่อนหย่อนใจอยู่บ่อยๆแล้ว สมองของเราก็ไม่จดจำเส้นทางอื่นให้เปลืองเนื้อที่อีก นอกจากความรู้เรื่องเส้นทางที่เป็นศูนย์ เรายังเป็นพวกหลงทิศอยู่บ่อยๆอีกต่างหาก เรียกได้ว่าเป็นพวกห่วยแตกเรื่องทิศทางอย่างแท้จริง คิดว่าถ้าถูกปล่อยทิ้งไว้ในป่า คงหลงทะลุไปเมืองเขาวงกตที่ไม่มีใครเคยค้นพบได้ในเวลาไม่กี่นาที (จากการเดินมั่วแหลก)

           ดังนั้น เมื่อ อ. มอบหมายให้เขียนอธิบายการเดินทางจากบีทีเอสช่องนนทรีมายังตึกบรมราชกุมารี คณะอักษรศาสตร์ เราจึงมืดแปดด้าน...ไม่สิ ต้องบอกว่ามืดสักสิบแปดด้าน...-_- เพราะอย่าว่าแต่ต้องเขียนเป็นภาษาต่างดาวอย่างภาษาญี่ปุ่นเลย ให้เขียนเป็นภาษาบ้านเกิดเราเอง เราก็ยังเขียนไม่ได้ ช่องนนทรีอยู่ที่ไหนเราก็ไม่รู้ ต้องเปิดกูเกิ้ลเอา (ฮา)

           หลังจากที่ศึกษาข้อมูลจากอากู๋จนคิดว่าพออธิบายได้แล้ว ปัญหาใหญ่ประการถัดมาแน่นอนว่าย่อมเป็นการใช้ภาษาชาวดาวภาษาญี่ปุ่นมาใช้ในการอธิบายนั่นเอง ตั้งแต่เป็นเด็กวัยใสเริ่มเรียนภาษาญี่ปุ่นตอนชั้น ม.4 จวบจนกลายเป็นป้าแก่ปี 3 ในมหาวิทยาลัย เราจำได้ว่าต้องเรียนเรื่องการบอกทางอยู่แทบทุกปีประหนึ่งจะเตรียมตัวไปสมัครงานเป็นแผนที่...และทุกครั้งที่เรียน ก็มักจะใช้รูปภาพง่ายๆ มีการเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา เดินตรงไป ข้ามสัญญาณไฟ ฯลฯ แบบนี้ทุกที ดังนั้น ทุกครั้งที่เรียน เราจะรู้ศัพท์อยู่แค่ไม่กี่ชุด ได้แก่ 左に曲がって、・・・の角を右に曲がって まっすぐ行って、・・・の側に・・・が見えます ใช้มันแบบนี้ทุกครั้งจนแอบเบื่อ แต่ก็ไม่รู้จะเปลี่ยนไปใช้คำอื่นยังไง
                
          งานบอกทางชิ้นนี้ของ อ. จึงมีความแอ็ดวานซ์กว่าภาพลายเส้นน่ารักๆเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาเดินตรงไปที่เคยเรียนมามากมายหลายสิบขุมทรัพย์ และเนื่องจากต้องเขียนในคาบเรียน เราจึงไม่มีเวลาที่ไหนจะไปศึกษา ได้แต่ใช้คำศัพท์เด็กน้อยที่เคยเรียนมาถูๆไถๆไปจนเลือดซิบ และถึงจะเป็นศัพท์เด็กน้อย ก็ใช่ว่าเราจะจำได้ทุกตัว ยกตัวอย่างเช่นคำว่าผ่าน เราไม่รู้ว่าตกลงมันต้องใช้ 通るหรือ通すหรือ通じるกันแน่ แถมยังสับสนด้วยว่า 角を曲がる หรือ 角に曲がる ? T.T (ไปค้นมา สรุปว่าต้องใช้ 通る และ 角を曲がる ซึ่งเรื่องคำศัพท์ที่แปลว่าผ่านพวกนี้เนี่ยค่อนข้างยาวและน่าตื่นเต้นมาก ไว้จะเขียนถึงในตอนถัดไปค่ะ จะได้ได้อรรถรสเต็มๆ)  

          พอเขียนเสร็จ...บอกได้เลยว่าตาย...ไม่ใช่แค่คนเขียนตาย แต่ถ้ามีคนมาถามทางเราจริงๆ คนๆนั้นคงตายด้วย...จากการได้แต่ยืนเคว้งคว้างอยู่ที่เดิม ไปไหนไม่ได้แล้วก็เครียดตาย เพราะงงกับการบอกทางของเรา 555+

          แต่โชคยังดี...ดีมาก...ถึงมากที่สุด...ที่ อ. นำการเขียนของเจ้าของภาษาอย่างชาวดาวภาษาญี่ปุ่นมาให้พวกเรานักเรียนต่างด้าวตาดำๆได้ศึกษาในตอนท้าย ตอนที่ฟัง อ. สอนนั้น บอกตามตรงว่าช็อคมาก...มากจริงๆที่ได้รู้ว่า สิ่งที่เราเรียนเกี่ยวกับการบอกทางมาตลอดห้าปี...มันใช้ไม่ได้เลย OTZ  และในขณะเดียวกันก็รู้สึกทึ่ง ว่า อ้อ มันใช้แบบนี้ได้ด้วยเรอะ...!? ยกตัวอย่างสิ่งที่ทำให้เกิดอาการ อ้อ มันใช้แบบนี้ได้ด้วยเรอะ...!?’ ก็เช่น

    จบประโยคด้วยรูป ―ますเฉยๆได้ เช่น サイアム駅の6番の改札口を出てください。 เป็น サイアム駅の6番の改札口を出ます。ใครจะรู้ว่าประโยคที่เรากำลังแนะนำให้คนอื่นปฏิบัติ จะใช้รูปปรกติเหมือนกับเป็นการกระทำของตนเองได้ด้วย

    เวลาอธิบายจนจบ ถึงจุดหมายปลายทางแล้วเรียบร้อย ชาวดาวภาษาญี่ปุ่นมักลงท้ายด้วย のです。เป็นการเอ่ยเป็นนัยว่า ...ก็ประมาณนี้แหละ/ถึงแล้วแหละ 55 ซึ่งถ้าเราใช้แบบนี้ด้วย ก็จะดูเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น 
                
          นอกจากนี้ เรายังได้รู้จักคำศัพท์สุดเลิศหรูที่จะช่วยยกระดับคำอธิบายของเราให้ดูเป็นผู้เป็นคน(ชาวดาวภาษาญี่ปุ่นขึ้นอีกนิด) ได้แก่ 乗車、下車、徒歩、右折、左折、直進 ฯลฯ ทำให้เรารู้สึกสนุกแล้วก็ดีใจมากที่จะได้ใช้คำใหม่ๆซะที

          สิ่งสำคัญอีกอย่างที่จะลืมไปไม่ได้เลยในการอธิบายทาง คือลำดับการอธิบายที่ดี สมดังชื่อของงาน 手際のよい説明 กล่าวคือ อ. ได้ชี้ให้เห็นว่าการอธิบายเป็นลำดับขั้นตอน เริ่มตั้งแต่การเกริ่นว่า ต่อแต่นี้จะขออธิบายเรื่อง... และการใส่คำจำพวก まず、次に、それから、ようやく、最後に ฯลฯ ทำให้การอธิบายเข้าใจได้ง่ายขึ้นโข นอกจากนี้ อ.ยังได้กำชับว่า สิ่งที่ควรคำนึงถึงอยู่เสมอในการบอกทาง คือ อย่าอธิบายจากตัวเราซึ่งเป็นผู้บอกทาง แต่ให้อธิบายจากมุมมองของผู้ถามทาง จะช่วยให้เห็นอะไรๆได้ชัดเจนขึ้น และไม่มองข้ามบางสิ่งบางอย่างซึ่งอาจจะเป็นสิ่งสำคัญไป


          ถึงแม้ว่าเราจะยังคงเป็นเอเลี่ยนที่ห่วยแตกเรื่องเส้นทางเป็นที่หนึ่งอยู่เหมือนเคย แต่เราก็มีความมั่นใจเรื่องเทคนิคในการอธิบายเส้นทางมากขึ้นเย้อออหลังเสร็จงานชิ้นนี้...


          ดังนั้น...นักท่องเที่ยวผู้กำลังลำบากทั้งหลาย...เชิญเข้ามาถามทางได้เล้ย!! (แต่ขอเปิดกูเกิ้ลก่อนนะ แฮะๆ ^^")



ⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷ








日本語の宇宙人 (ต่างด้าวบนดาวภาษาญี่ปุ่น)
เป็นบล็อกที่มีไว้เพื่อบันทึกประสบการณ์การใช้ภาษาญี่ปุ่น
โดยจะเน้นในเรื่องของการพูดและคำศัพท์
ถือเป็นงานส่วนหนึ่งในวิชา Applied Japanese Linguistic
ของนิสิตเอกวิชาภาษาญี่ปุ่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย




บทคั่น: เนื้อหาของบล็อก


- บทคั่น -

เนื้อหาของบล็อก



          เขียนบล็อกมาก็หลายตอนแล้ว แต่ยังไม่เคยพูดถึงจริงๆจังๆเลยว่าบล็อกนี้...อะไรยังไงบ้าง555
(ซึ่งถ้า อ. ไม่บอกให้เขียน เราก็คงจะเขียนต่ออย่างมึนๆเมาๆ ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นต่อไปนี่แหละ เพราะไม่รู้จะอธิบายอะไร =_=;)

          ก่อนอื่น บล็อกนี้มีชื่ออย่างที่จั่วหัวไว้ ว่า  「日本語の宇宙人」 หรือที่แปลเป็นไทยแบบเก๋ๆ(และแอบกาก)ได้ว่า 'ต่างด้าวบนดาวภาษาญี่ปุ่น' หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องเป็นมนุษย์ต่างดาว ทำไมต้องเป็นดาวภาษาญี่ปุ่น และทำม้ายทำไมเราถึงต้องเขียนบล็อกให้ดูไซไฟเยี่ยงนี้ด้วย (ฮา) คำตอบก็คือ สำหรับเราแล้ว ภาษาญี่ปุ่นเป็นอะไรที่เราไม่เข้าใจ ลึกลับ มีอะไรให้ต้องค้นหา ต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา เปรียบกับดินแดนพิศวงที่รอให้เราเข้าไปสำรวจทุกซอกทุกมุมอย่างใจเย็น และจำเป็นต้องอาศัยความตั้งใจเป็นอย่างมากในการที่จะเข้าใจดินแดนที่ไม่มีอะไรเหมือนกับที่ๆเราอยู่เลย ดังนั้น เราจึงคิดว่าตัวเองเป็นเหมือนกับมนุษย์ต่างดาวที่เข้ามาแอบศึกษาโลกอย่างค่อยเป็นค่อยไป...เลยเป็นที่มาของชื่อบล็อก หรือ E-Portfolio ชิ้นนี้ค่ะ

          ในส่วนของเป้าหมายและปณิธานในการทำบล็อกนี้  แน่นอนว่าเพื่อที่จะพูดภาษาญี่ปุ่นได้อย่างถูกต้อง และมีความมั่นใจในการโต้ตอบกับเจ้าของภาษามากยิ่งขึ้น...ไม่รู้สึกเหมือนเป็นชาวต่างด้าวที่กำลังสื่อสารอยู่กับชาวพื้นเมืองอย่างงกๆเงิ่นๆ งูๆปลาๆอีกต่อไป

       เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว สิ่งสำคัญเป็นอันดับแรก คือ การรู้จักสังเกตข้อผิดพลาดของตัวเอง เรามีนิสัยเสียอยู่อย่างหนึ่งคือเราเป็นคนไม่ชอบคิดทบทวน และหาวิธีแก้ไขข้อผิดพลาดของตัวเอง เวลาเกิดอะไรขึ้นก็มักปล่อยเลยตามเลย แถมยังดีใจเสียอีกว่าผ่านพ้นมันไปได้เสียที โดยหารู้ไม่ว่าความคิดเหล่านี้ทำให้เราไม่พัฒนาและได้แต่ย่ำอยู่กับที่ ดังนั้น สิ่งแรกที่เราคิดว่าตัวเองควรจะทำเพื่อบรรลุปณิธานของตัวเอง คือการเปลี่ยนนิสัยในจุดนี้ของตัวเองเสียใหม่ ให้รู้จักกล้าที่จะมองดูข้อผิดพลาดของตัวเองให้เต็มตา และรู้จักกระตือรือร้นที่จะหาทางแก้ไขไม่ให้ข้อผิดพลาดนั้นเกิดขึ้นอีก เราคิดไว้ว่าต่อแต่นี้ไป เราจะพกโน้ตติดตัวไปไหนมาไหนด้วยเสมอ เพื่อที่จะได้เอาไว้จดบันทึกข้อผิดพลาดของตัวเองได้ทุกที่ ทุกเวลาที่เราใช้ภาษาญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นในห้องเรียนหรือโลกนอกรั้วโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นการพูดกับคุณครู หรือกับเพื่อน เราตั้งใจว่าจะจดทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ และจะนำข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้นมาเขียนไว้ในบล็อกนี้ พร้อมกับค้นคว้าข้อมูลการใช้ที่ถูกต้องมาเขียนกำกับไว้เพื่อย้ำเตือนตัวเอง และเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆที่อาจแวะเวียนเข้ามาในบล็อก


          อนึ่ง เครื่องมือที่จะใช้ประกอบการค้นคว้าหาข้อมูล คือเว็บไซต์ที่ อ. ได้กรุณาแนะนำมาให้ ได้แก่ http://nlb.ninjal.ac.jp อันเป็นคลังข้อมูลขนาดใหญ่ของเรื่อง コロケーション ต้องขอขอบคุณอาจารย์มา ณ ที่นี้จริงๆค่ะ ไม่เคยรู้เลยว่ามีเว็บที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้อยู่ด้วย 0..0 ช่วยในการค้นหาคำตอบได้เยอะเลย

       สำหรับเกณฑ์ในการประเมินการพัฒนาของตัวเราเอง อาจจะไม่เหมือนใครสักเท่าไหร่ เพราะนอกจากจะประเมินทักษะการใช้คำศัพท์ที่ถูกต้องในการพูดแล้ว เรายังคิดไว้ว่า อยากจะประเมินความกล้าในการพูด้วย เราเป็นคนไม่ค่อยชอบพูด หลายต่อหลายครั้ง ก่อนจะพูดอะไรบางอย่าง เรามักคิดแล้วคิดอีกทำให้พูดออกไปไม่ได้เสียที ซึ่งเราคิดว่าตรงจุดนี้มีผลอย่างมากต่อการพัฒนาทักษะการพูดภาษาญี่ปุ่นของเรา เพราะถึงแม้ว่าท้ายที่สุดเราจะรู้การใช้ศัพท์ที่ถูกต้อง แต่หากเรายังอึกอัก ไม่กล้าพูดอยู่เหมือนเดิมแล้ว ก็ไม่อาจพูดได้เต็มปากเต็มคำว่าทักษะการพูดของเราพัฒนาขึ้นจริงๆ ดังนั้น นอกจากการประเมินว่าเราสามารถใช้ศัพท์ที่แต่เดิมไม่รู้ในสถานการณ์ใหม่ที่เกิดขึ้นได้หรือเปล่า เรายังจะประเมินด้วยว่าในสถานการณ์นั้นๆเรามีการพูดโต้ตอบทันทีทันใดเลยหรือไม่ อึกอักไหม และคล่องแคล่วพอหรือเปล่า เป็นต้น

        หนทางในการพัฒนาของเรายังอีกยาวไกล และเราก็รู้ว่ามันคงไม่สำเร็จง่ายๆแค่ในเทอมเดียว เพราะการพัฒนาทักษะการใช้ภาษาเป็นสิ่งที่ต้องเรียนรู้ไปตลอดชีวิต แต่เราคิดว่าเราจะพยายาม...เราต้องพยายาม...เพื่อที่จะเก่งขึ้น ไหนๆก็อุตส่าห์เข้ามาตั้งรกรากในดาวนี้แล้วนี่เนอะ ต้องลองดูกันซักตั้ง...!!! :D





สู้!!!!!
         


        

วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

EP04: กระสอบทราย

EP04: กระสอบทราย






          วันนี้เราชาวมนุษย์ต่างดาวไปต่อยมวยมา...

   

          ...ใช่ซะที่ไหนกันเล่า ฮ่าๆ (แต่ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงแหละนะ -_-“)

          เรื่องของเรื่องคือ วันนี้เราไปเป็นคู่ซ้อมให้เพื่อนมนุษย์ต่างดาวที่มีหน้าที่ต้องพรีเซ้นท์ในวันพรุ่งนี้ (งานพรีเซ้นท์เดิมที่เราเคยผ่านมาเมื่อตอนที่แล้วนั่นแหละ ด้วยความเข้าอกเข้าใจในความลำบากอย่างลึกซึ้งถึงข้างในทรวง ประกอบกับอยากลองฝึกพูดด้วย เลยอาสาเป็นคู่ซ้อมให้ซะเลย)

          หัวข้อพรีเซ้นท์ของเพื่อนนั้นสุดจะน่ารัก คือเรื่อง チョコレート แต่ตอนที่ต้องคิดว่าจะตอบเพื่อนยังไงบ้างเนี่ย ไม่น่ารักเลย 555 ปัญหาประจำของเราคือ มักจะพูดรัวๆและรวดเร็วได้ตอนต้นประโยค แต่พอจะใส่กริยาตามหลังเท่านั้นแหละ...เป็นอันนิ่งและแผ่วปลายทุกที

          ยกตัวอย่างประโยคที่ทำให้เราตายตอนจบ

-             - เราต้องการจะพูดกับเพื่อนว่า “ (นอนเอาช็อคโกแล็ตทาผิวแบบนี้) ไม่เรียกมดหรือแมลงสาบออกมาเหรอ?” ซึ่งเราใช้ว่า “アリとかごけぶりを呼ぶ力・・・(งงว่าใช้แบบนี้ได้เหรอ แล้วจะจบประโยคยังไง?)ええと・・・呼びますか.ซึ่งเพื่อนผู้เป็นมนุษย์ต่างดาวเหมือนกันก็พอจะเข้าใจว่าต้องการจะสื่ออะไร แต่ถ้าเอาไปพูดกับชาวดาวภาษาญี่ปุ่นนี่...มีหวังงงเก๊กเป็นแน่แท้
    หลังจากที่ไปค้นมา พบว่าการที่มดออกมาตามขนมมักใช้ว่า “アリが甘いものに群がる(むらがる)”  นอกจากนี้ยังได้ของแถมมาเป็นสำนวน 甘いものにアリがつく ซึ่งหมายถึงการที่คนจำนวนมากมารวมตัวกัน ณ สถานที่หนึ่งๆเพื่อผลประโยชน์อะไรสักอย่าง เหมือนกับการที่มดออกมารุมกินของหวาน

          - ต้องการจะพูดว่า “ควรตั้งกฎ...” แต่พูดได้แค่ “規則を---” แล้วก็นึกไม่ออกว่าควรใช้คำกริยาอะไร
          เมื่อลองไปค้นดูจึงได้พบว่า ต้องใช้ 規則を立てる


          สรุปว่าอ้ำๆอึ้งๆไปมากพอสมควรสมฐานะการเป็นกระสอบทรา...เอ้ย คู่ซ้อมที่ดี ก็ได้แต่ภาวนาว่าการซ้อมกับเราในวันนี้จะช่วยอะไรเขาได้บ้างไม่มากก็น้อยนะ //พูดพลางเอาน้ำแข็งประคบดวงตาที่บวมช้ำของตัวเองไปพลาง สู้ๆนะเพื่อน!!



ⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷ








日本語の宇宙人 (ต่างด้าวบนดาวภาษาญี่ปุ่น)
เป็นบล็อกที่มีไว้เพื่อบันทึกประสบการณ์การใช้ภาษาญี่ปุ่น
โดยจะเน้นในเรื่องของการพูดและคำศัพท์
ถือเป็นงานส่วนหนึ่งในวิชา Applied Japanese Linguistic
ของนิสิตเอกวิชาภาษาญี่ปุ่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย




วันอังคารที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

EP03: ฉันก็ไม่รู้ระหว่างเราคืออะไร?


EP03: ฉันก็ไม่รู้ระหว่างเราคืออะไร?


          รายงานผลการพรีเซ้นท์ภาษาต่างด้าวของมนุษย์ต่างดาวในวันนี้...

          ...เฟลค่าาาา!!! 55555

          (เห็นหัวเราะแบบนี้แต่ความจริงเจ็บปวดหัวใจมากเลยนะ...นี่เป็นวิธีการปลอบใจตัวเองในแบบของมนุษย์ต่างดาวอย่างเรา -_-“)

          อยากจะเขียนถึงรายละเอียดภาษาญี่ปุ่นที่ใช้ผิด แต่ก็จำอะไรมากไม่ได้ จำได้ลางๆว่าวางตำแหน่งประธานผิดที่ผิดทางอยู่เรื่อย ส่วนนอกนั้นว่างเปล่า ในหัวเป็นสีขาวโพลนเพราะความตื่นเต้น อ่อ ใช่...รู้สึกจะงงเรื่องการใช้ あります กับ 持っています อีกแล้ว ทั้งๆที่ความหมายเหมือนกัน ใช้ได้เหมือนกัน แต่ชะงักทุกทีเวลาที่จะพูด

          แต่สาเหตุหลักที่เราเฟลไม่ใช่เรื่องนี้หรอก...ซึ่งถ้าเป็นเรื่องนี้อาจจะดีกว่าก็ได้ เพราะเรื่องที่เรามนุษย์ต่างดาวเฟลนั้น คือเรื่องที่อาจารย์คอมเม้นท์กลับมาสั้นๆทั้งๆที่คอมเม้นท์คนอื่นยาวมากว่า

          “เสียงเบาไป ไม่ได้ยิน”

          ฮื้อออออออออออออออออออออออออออออ

          อนุมานความได้ว่า อาจารย์อาจจะไม่ได้ยินอะไรที่เราอุตส่าห์พรีเซ้นท์ออกไปเลย แล้วคะแนนของมนุษย์ต่างดาวตาดำๆผู้นี้ล่ะคะ? T-T อยากจะกรีดร้องถามใจแทบขาด แต่ก็มิอาจแปลมันเป็นภาษาดาวเคราะห์ภาษาญี่ปุ่นได้อย่างทันท่วงทีดั่ง Google Translate

          ก็เลยได้แต่นั่งชีช้ำกะหล่ำปลีอยู่เพียงลำพัง...OTZ

          แต่เดี๋ยวนะ...เราลองมาคิดๆดูให้ดีแล้วก็พบว่า แทบทุกครั้งที่เราพูดภาษาดาวนี้ออกไป ทุกคนมักมีสีหน้าเหรอหราพร้อมถามกลับมาว่า “ว่ายังไงนะ?” นี่ก็อาจเป็นเพราะเราพูดเสียงเบา งึมงำในลำคอรึเปล่า? (ก็เวลาพูดมันรู้สึกประหม่านี่นา แถมยังเป็นมนุษย์ต่างดาวที่โทนเสียงต่ำเป็นทุนเดิมอยู่แล้วด้วย) หรือว่าบางที สาเหตุที่เราสื่อสารกับมนุษย์ดาวนี้ไม่รู้เรื่องสักที...อาจแค่เพราะ...เสียงเราเบาไป...งั้นเหรอ???




          ...อืมมม ไม่น่าเป็นไปได้ คิดว่าน่าจะมีสาเหตุอื่นๆประกอบด้วยอีกเยอะแหละ =_____=; แต่ว่า ถ้าสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากเรื่องระดับความดัง-เบาของเสียงจริง อย่างนี้ นอกจากจะต้องฝึกฝนทักษะทางภาษาแล้ว มนุษย์ต่างดาวอย่างเราก็ยังต้องปรับปรุงบุคลิกภาพควบคู่ไปด้วยสินะ...งานนี้มันหินเกินไปแล้ว! T___________T


          แต่จะทำยังไงได้...ถ้าอยากเก่งขึ้น ก็ต้องลงมือทำไม่ใช่เหรอ?


          แต่ก็นะ...อยากได้คำตอบอยู่เหมือนกันว่าตกลงสาเหตุหลักๆของการสื่อสารไม่สัมฤทธิ์ผลนี้มาจากอะไรกันแน่...ใครก็ได้ ช่วยตอบเราที ว่าตกลง



ระหว่างเรา(กับภาษาญี่ปุ่น ปัญหามัน)คืออะไร??



55555



(#และแล้วเพลงของลิเดียก็ลอยมา เป็นการปิดฉากการใช้ภาษาบนดาวเคราะห์ภาษาญี่ปุ่นอันสุดจะโหดร้ายในวันนี้อย่างงดงาม??)



ⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷ








日本語の宇宙人 (ต่างด้าวบนดาวภาษาญี่ปุ่น)
เป็นบล็อกที่มีไว้เพื่อบันทึกประสบการณ์การใช้ภาษาญี่ปุ่น
โดยจะเน้นในเรื่องของการพูดและคำศัพท์
ถือเป็นงานส่วนหนึ่งในวิชา Applied Japanese Linguistic
ของนิสิตเอกวิชาภาษาญี่ปุ่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

วันจันทร์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

EP02: คำตอบของคำถาม “จะรอดมั้ยเนี่ย...?”



EP02: คำตอบของคำถาม “จะรอดมั้ยเนี่ย...?






พรุ่งนี้เป็นวันที่เราชาวต่างดาวจะต้องพรีเซ้นท์งานภาษาต่างด้าวแล้ว....

T_________________________T  ฮือออ

          ตอนนี้เรากำลังภาวนา ขอให้อุกกาบาต ดาวหาง หรืออะไรก็ได้ช่วยพุ่งชนดาวเคราะห์ดวงนี้ที ได้ยินว่าวันก่อนมีสุริยุปราคาที่ทวีปแอฟริกาบนโลก ถ้าเกิดขึ้นที่ดาวดวงนี้บ้างเขาจะหยุดเรียนให้มั้ยนะ?

...คงไม่สินะ OTZ

          สามวันก่อน หลังจากที่ถูๆไถๆเขียนลิสต์ของสิ่งที่ต้องพูดจนเสร็จ...ก็ค้นพบว่า เราไม่สามารถเตรียมสคริปต์ใดๆไปได้เลย เพราะไม่รู้ว่าพิธีกรที่ท่านอาจารย์สุ่มให้จะเป็นใคร และเขาจะถามคำถามอะไร ดังนั้น สิ่งเดียวที่เรานึกออกว่าควรจะทำในตอนนี้คือลองฝึกพูดกับคนอื่นเลย ไม่ต้องไปยุ่งกับสคริปต์มันละ และนี่คือผลลัพธ์ที่ได้...


ฝึกพูดกับเพื่อนมนุษย์ต่างดาว#1:
          ราบลื่นมาก ไม่มีอะไรติดขัดเลย...เพราะอะไรน่ะเหรอ?? ก็เพราะยังไม่ได้ทันได้พูด เพื่อนก็หลับไปซะก่อน ฮ่าๆ

ความรู้สึกหลังฝึก: FAILED


ฝึกพูดกับเพื่อนมนุษย์ต่างดาว#2:

          คุยออนไลน์กันทาง Skype ทำให้ราบลื่นกว่าคุยต่อหน้าเพราะลดความประหม่าลงไปได้มาก อย่างไรก็ตาม เนื่องด้วยหัวข้อการพรีเซ้นท์ของเรานั้นสุดจะฮาร์ดคอร์ นั่นก็คือ 「タイ妖術」(ไสยศาสตร์ไทย) ทำให้ไม่สามารถนึกคำศัพท์ออกได้อย่างทันท่วงที ยกตัวอย่างเช่นคำว่า ยาเสน่ห์ ซึ่งคิดว่าน่าจะใช้คำว่า 「ラブポーション」 หรือคำว่า พระเอก นางเอก ตัวร้าย (ในส่วนที่จะใช้กล่าวถึงการใช้ไสยศาสตร์ในละครไทย) คงต้องค้นศัพท์ไปเพิ่มมากกว่านี้
          นอกจากคำศัพท์เฉพาะทางแล้ว แม้แต่ศัพท์ที่ใช้กันเป็นคู่ง่ายๆ เราชาวเอเลี่ยนก็ยังนึกไม่ค่อยจะออก เช่นการพูดประโยคที่มีความหมายว่า “มีภาพลักษณ์แบบ...” เราลังเลที่จะเลือกใช้ระหว่าง 「イメージを持つ」กับ 「イメージがある」 ซึ่งหลังจากที่ไปค้นดูแล้ว ก็พบว่าใช้ได้ทั้งคู่ มีความหมายเหมือนกัน และหน้าคำว่า イメージ ควรมีคำว่า という ตามหลังประโยคที่ใช้แสดงสภาพของ イメージ นั้นๆด้วย

ความรู้สึกหลังฝึก: まあまあ


ฝึกพูดกับเพื่อนมนุษย์ต่างดาว#3:

    เพื่อนมนุษย์ต่างดาวหมายเลขสามท่านนี้ เป็นผู้ที่ฉลาดเฉลียวและทรงภูมิมาก ทำให้เรามนุษย์ต่างดาวผู้อ่อนด้อยเกิดอาการประหม่า หลงๆลืมๆในยามพูด ประโยคที่พูดออกมาไม่ปะติดปะต่อ ออกมาเป็นท่อนๆ กระท่อนกระแท่นเหมือนเทปตกร่อง (เปรียบเปรยได้เก่าไปหรือเปล่าเนี่ย?55)
          เช่น ในตอนที่เราต้องการจะพูดว่า タイでは昔、王様から一般市民まで皆は妖術のことを強く信じていました。
          ก็กลับกลายพันธุ์ มิวเตชั่นออกมาเป็น タイ妖術は王様から一般市民まで皆---เกิดอาการ blank ว่าจะใส่คำช่วยอะไร และจะพูดประโยคอะไรต่อ เลยล่มไม่เป็นท่า
          นอกจากนี้ยังมีปัญหาเรื่องการไม่รู้ศัพท์อีกเช่นเคย เช่นในตอนที่เราต้องการจะบอกว่า “อยากจะเน้นในเรื่องนี้” เราไม่รู้ว่าใช้ศัพท์ของชาวดาวภาษาญี่ปุ่นว่าอะไร ซึ่งในที่นี้เพื่อนได้ให้คำตอบว่า ให้ใช้ - - -ということを中心したい」แต่พอลองค้นดูแล้ว น่าจะเป็น ---ということの中心に/で話したい」 
          ประโยคที่ไม่รู้ว่าควรจะใช้เป็นภาษาดาวนี้อย่างไร อื่นๆก็เช่น “ไสยศาสตร์ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน” ไม่แน่ใจว่าควรจะใช้คำกริยา 生き残っている หรือ 残っている หรือ 存在している
และ “ภาพลักษณ์ของไสยศาสตร์ไทยซอฟต์ลง(ไม่รุนแรง)เหมือนแต่ก่อน”  ต้องพูดว่า 「タイ妖術のイメージは昔と違って弱くなりました」หรือ 「やさしくなりました」 กันแน่ ก็ยังไม่รู้

สรุปว่า หลังจากที่ลองฝึกพูดกับเพื่อนมนุษย์ต่างดาวหมายเลขสามผู้นี้ พบว่าเรามีปัญหาดังต่อไปนี้
1. เรียบเรียงประโยคไม่ถูกเวลาพูด ไม่รู้ว่าควรเอาอะไรขึ้นก่อนหรือหลัง เป็นประเภทที่ว่าพอมีอะไรแวบเข้ามาในหัวก็พูดไว้ก่อนเลย ทำให้สุดท้ายแล้วต่อประโยคจนจบไม่ได้
2. ไม่รู้ศัพท์/ไม่รู้ว่าควรใช้คำศัพท์คำนี้คู่กับกริยาอะไร
3. รู้ศัพท์ที่มีความหมายเหมือนกัน แต่ตัดสินใจไม่ถูกว่าจะต้องใช้คำไหนถึงจะเหมาะสมกว่ากัน
ปัญหาอื่นๆนอกเหนือไปจากเรื่องภาษา ได้แก่ หัวข้อเรื่องที่แถยากเกินไป, โครงเรื่องที่เหลวเป๋ว ไม่รู้ว่าตั้งใจจะสื่ออะไรกันแน่ , ไม่สามารถชักจูงพิธีกรให้พูดเข้าในจุดที่ต้องการนำเสนอได้ ทำให้ออกทะเลไปไกลถึงอ่าวไทย -_-“

ความรู้สึกหลังฝึก: EPIC FAILED โลกแตกเถอะ


          ไม่รู้จะทำยังไง...อยากจะบ้า พรุ่งนี้จะพรีเซ้นท์แล้ว คงไม่มีมนตร์วิเศษดลบันดาลให้เรากลายเป็นนักพูดลิ้นทองอย่างน้าต๋อยหรือสรยุทธได้ในแค่ช่วงข้ามคืนหรอก ยิ่งเป็นภาษาของต่างดาวแบบนี้แล้วยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้เข้าไปใหญ่ ตอนนี้จิตตกมาก ได้แต่นั่งเอ้อระเหยไปเรื่อยๆ ไม่ทำอะไร รู้ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าขืนยิ่งไม่ทำอะไรมันจะแย่ยิ่งกว่าเก่า แต่ก็ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรอยู่ดี ยิ่งเห็นเพื่อนๆตั้งใจเป็นคู่ซ้อมให้ หรือไม่ก็ส่งข้อความมาถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง ก็ยิ่งสมเพชตัวเองหนักเข้าไปอีก



        จะรอดมั้ยเนี่ย...?



ได้แต่ถามตัวเองแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา

          แต่ถึงแม้จะถามตัวเอง...หรือถามใครไปก็ไม่ได้คำตอบสินะ ตอนนี้คงได้แต่ฝืนใจตัวเอง พยายามเตรียมตัวให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถึงแม้สุดท้ายผลลัพธ์จะออกมาผิดพลาด แต่อย่างน้อยเราก็รู้ตัวว่าเราทำเต็มที่แล้ว...
          ดังนั้น จะรอดมั้ย? ไม่ใช่คำถามสำคัญ สำคัญแค่ในปัจจุบันเราทำอะไร และสิ่งที่เรากำลังทำอยู่...จะไม่ทำให้เราเสียใจทีหลังใช่มั้ย? จะเป็นแรงใจให้เราสู้ต่อ พัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีกได้หรือเปล่า



นั่นคือคำตอบสำคัญ.




ⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷ








日本語の宇宙人 (ต่างด้าวบนดาวภาษาญี่ปุ่น)
เป็นบล็อกที่มีไว้เพื่อบันทึกประสบการณ์การใช้ภาษาญี่ปุ่น
โดยจะเน้นในเรื่องของการพูดและคำศัพท์
ถือเป็นงานส่วนหนึ่งในวิชา Applied Japanese Linguistic
ของนิสิตเอกวิชาภาษาญี่ปุ่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


วันอาทิตย์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

EP01 : นอกจากจะเอเลี่ยนแล้ว ยังดวงซวยมากอีกด้วย


EP01 : นอกจากจะเอเลี่ยนแล้ว ยังดวงซวยมากอีกด้วย


          เช้าวันใหม่เริ่มต้น เป็นเช้าที่ทึมๆเทาๆไม่ค่อยจะสดใสนักเนื่องจากเราต้องเดินทางกลับจากดาวแม่ เพื่อมาที่ดาวเคราะห์ภาษาญี่ปุ่นอีกครั้งหลังจากที่ว้างเว้นไปนานเกือบสองเดือนแสง วันแรกของการกลับมาใช้ชีวิตอยู่บนดาวเคราะห์ดวงนี้ยังไม่ค่อยมีอะไรมาก ตอนเช้าชิวๆ ตอนบ่ายก็หวานๆ ใจดี เหมือนกับห่อสีสวยของลูกกวาดที่หลอกให้เราตายใจ เพราะพอวันต่อมา...พอแกะห่อออกเอาลูกกวาดมาอมเท่านั้นแหละ อื้อหือ ขมบรรลัย...

          วิชาการสื่อสารกับชาวดาวภาษาญี่ปุ่นยังเป็นวิชาที่เราชาวเอเลี่ยนไม่ถนัดสุดๆเหมือนเคย และไม่มีกะจิตกะใจจะพัฒนาด้วย เพราะแค่เริ่มคาบแรกก็เหมือนถูกปาระเบิดใส่ตูมใหญ่ วิญญาณกระเด็นฟืบหลุดกลับดาวบ้านเกิดไปอย่างสมบูรณ์ ทำไมน่ะเหรอ...ก็เพราะงานที่ท่านอาจารย์สั่งน่ะสิ นอกจากจะสั่งอย่างปัจจุบันทันด่วน คือ ต้องเลือกหัวข้อของงานที่จะทำในห้องเลยแล้ว ยังเต็มไปด้วยสุดยอดความสยองที่ทำให้เราขนหัวลุก ประหนึ่งบ้านผีสิงที่รวมสุดยอดผีโหดเฮี้ยนทุกชนิดไว้ด้วยกัน...ทั้งการพูดสปีชสดเอย การรายงานสดหน้าห้องเอย อะไรก็สด...สด...สดมันเข้าไปทุกอย่าง จนอยากจะยกมือบอกว่า ที่นี่ไม่ใช่ร้านสุกี้ ไม่ต้องการความสด สดบ่อยๆเดี๋ยวเป็นพยาธิแล้วจะท้องเสียนะ T-T

          ยังไม่ทันที่จะทำใจได้กับความ “สด” อันมากมายมหาศาล ก็ถึงคราวต้องจับฉลากลำดับการพรีเซ้นท์งาน ว่าใครจะต้องพรีเซ้นท์สัปดาห์ไหน Proudly present เลย ว่านอกจากเราจะเอเลี่ยน...เป็นผู้แตกต่างและแปลกแยกในดาวเคราะห์ภาษาญี่ปุ่นดวงนี้แล้ว เรายังเป็นเอเลี่ยนที่ดวงซวยมากอีกด้วย...เพราะพอเปิดกระดาษฉลากออกปุ๊บ ตัวเลขที่เขียนอยู่ก็บ่งบอกเด่นหราว่าเรา...


...ต้องพรีเซ้นท์สัปดาห์หน้า


20t%072^&hbDs@!! (นี่คือการร้องไห้เป็นภาษาบ้านเกิด)


          ซวย...นิยามได้คำเดียวว่าซวยสุดๆ ซวยมันเข้าไป นอกจากจะพูดไม่ได้ หัวข้อก็ยาก ยังต้องพรีเซ้นท์สัปดาห์หน้าอีก จะฝ่งจะฝึกจะตรงจะเตรียมอะไรก็ไม่ทันการแล้ว แต่ก็เอาเถอะ ถึงเราจะได้พรีเซ้นท์สัปดาห์อื่น ก็ใช่ว่าจะเตรียมตัวทัน เพราะสำหรับเรา สกิลการพูดเป็นสกิลที่ต้องอาศัยการฝึกฝนทุกวัน เป็นเวลายาวนาน ใช่ว่าจู่ๆก็พูดได้คล่องปรื๋อเป็นธรรมชาติ  ขนาดภาษาแม่เอง เราก็ยังพูดไม่คล่องเลย -_-" ต้องคิดประโยคอยู่พักหนึ่งกว่าจะพูดออกไปได้ เพราะจริงๆแล้วนิสัยไม่ค่อยชอบพูด ชอบฟังมากกว่า แล้วอย่างนี้จะรอดได้ยังไง ยิ่งคิดก็ยิ่งเจ็บกระดองใจตัวเองที่ไม่เคยจะใส่ใจฝึกฝนมาก่อน...ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียดายว่าน่าจะหาโอกาสฝึกพูดบ่อยๆ แต่ในขณะเดียวกัน...ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่าตัวเองเข้ากับดาวดวงนี้ไม่ได้มากขึ้นทุกทีๆ



          และแล้ววันคืนที่เอเลี่ยนนอนไม่หลับ(ซึ่งไม่ใช่เพราะนั่งเล่นอินเตอร์เน็ต)ก็หวนกลับมาให้ทรมานเล่นอีกครั้ง...




ⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷ








日本語の宇宙人 (ต่างด้าวบนดาวภาษาญี่ปุ่น)
เป็นบล็อกที่มีไว้เพื่อบันทึกประสบการณ์การใช้ภาษาญี่ปุ่น
โดยจะเน้นในเรื่องของการพูดและคำศัพท์
ถือเป็นงานส่วนหนึ่งในวิชา Applied Japanese Linguistic
ของนิสิตเอกวิชาภาษาญี่ปุ่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย




วันเสาร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

PILOT: เราคือเอเลี่ยน



PILOT: เราคือเอเลี่ยน



เราเป็นมนุษย์ต่างดาวที่นั่งยานมาลงดาวเคราะห์ภาษาญี่ปุ่นเมื่อราวๆห้าปีก่อน...





          บนดาวดวงนี้ มีอะไรแปลกใหม่ที่เราไม่เข้าใจตั้งหลายอย่าง ถึงแม้จะว่าเราจะลงหลักปักฐานอยู่ที่นี่มาเกินห้าปีแล้ว แต่เราก็ยังไม่ชินเสียที ทุกวัน จะต้องมีอะไรบางอย่างเข้ามาทำให้เราตกใจ กลัว เหน็ดเหนื่อย และบางทีก็ต้องร้องไห้ T-T

          แต่เราก็ผ่านมันมาได้ทุกครั้ง... (คิดว่านะ)

          อย่างไรก็ตาม ในช่วงหนึ่งปีให้หลังมานี้ ดูเหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างจะยิ่งเลวร้ายลงไปอีก ไม่ใช่แค่เราต้องเรียนรู้สิ่งที่ยากขึ้นเกี่ยวกับดาวดวงนี้ แต่เราเพิ่งตระหนักอย่างจริงๆจังๆว่าเราไม่สามารถสื่อสารกับชาวดาวนี้ได้อย่างคล่องแคล่วและเข้าใจเลย ไม่ว่าเราพยายามจะพูดอะไร ก็ดูเหมือนว่าในหัวจะว่างเปล่า คิดอะไรไม่ออกไปเสียทุกที ที่แย่ยิ่งกว่าการสื่อสารไม่ได้คือ เราหมดความตั้งใจที่จะสื่อสารกับชาวดาวเคราะห์นี้แล้ว ด้วยเหตุการณ์หลายๆอย่างที่ผ่านมาตลอดห้าปี ซึ่งทำให้เราค้นพบว่าบางทีเราอาจไม่ได้ชอบพวกเขามากเท่าที่เราเคยคิด

          เอาเถอะ...อย่างไรเสียตอนนี้เราก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอ รอ และรอ...รอจนกว่าใบอนุญาตให้ออกไปผจญภัยในกาแล็กซีอันกว้างใหญ่จะมาถึงในอีกหนึ่งหรือสองปีข้างหน้า แต่ว่านะ มีชาวดาวดวงไหนสักดวงได้กล่าวไว้ว่า อนาคตน่ะเป็นสิ่งที่มองไม่เห็นและไม่มีความแน่นอน ดังนั้น ไม่แน่ว่าจู่ๆวันหนึ่งเราอาจได้เรียนรู้ที่จะทำตัวกลมกลืน และกลายเป็นมนุษย์ที่ใช้ชีวิตอย่างสงบสันติบนดาวดวงนี้ หรือไม่แน่ว่าเราอาจได้ย้ายไปดาวดวงใหม่ที่เราชอบมากกว่า...

          ระหว่างที่ยังไม่รู้คำตอบ เราคงต้องใช้ชีวิตเอเลี่ยนเช่นนี้ไปก่อน แต่เราจะไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่าไปกับการใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อย รอคอยคำตอบไปเรื่อยๆหรอก เราจะพยายาม และจะค้นหามันด้วยมือของเราเอง




เพราะเราได้ให้สัญญากับใครคนหนึ่งไว้แล้ว :). 



ⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷⱷ









日本語の宇宙人 (ต่างด้าวบนดาวภาษาญี่ปุ่น)
เป็นบล็อกที่มีไว้เพื่อบันทึกประสบการณ์การใช้ภาษาญี่ปุ่น
โดยจะเน้นในเรื่องของการพูดและคำศัพท์
ถือเป็นงานส่วนหนึ่งในวิชา Applied Japanese Linguistic
ของนิสิตเอกวิชาภาษาญี่ปุ่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย